ญาณทัศนะ(intuition) หรือ Implicit memory ???

ผมว่าจะเขียนเรื่องนี้ตั้งนานละ แต่ทำนู่นทำนี่เลยลืม

คือตอนนั้นผมได้อ่านหนังสือ Blink ของ Malcolm Gladwell ที่พูดเรื่องการเชื่อความคิดให้น้อยลงแล้วให้เชื่อการ Blink มากขึ้น โดยมีผลการวิจัยออกมาว่าผลลัพธ์ที่ได้จากการ Blink ไม่ต่างจากการวิเคราะห์ด้วยเหตุผลซักเท่าไหร่

ตัวอย่างแรกที่ Gladwell ยกขึ้นมาอธิบายคือเรื่องของนักพิสูจน์ความเก่าของรูปปั้นด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ ใช้เวลานานมากในการพิสูจน์ว่ารูปปั้นนั้นเป้นของจริงหรือไม่ ที่สำคัญผลจากการพิสูจน์โดยผ่านการทดลองนู่นนั่นนี่คือ ไม่รู้ว่ารูปปั้นนี้จริงหรือไม่จริง แต่เมื่อพิพิธภัณฑ์เชิญนักศิลปะคนนึงมาดู แค่แว๊บแรกที่เห็นเขาก็บอกได้เลยว่าอันนี้รูปปั้นปลอม

ทฤษฏีตัวยูเพื่อการข้ามพ้น (Theory U For Transcendence)

ก่อนจะอธิบายเนื้อหา ผมชอบแปลความหมายของคำก่อน เพราะถ้าเราเข้าใจความหมายของคำที่นำมาใช้ เราจะได้คอนเซปคร่าวๆเกี่ยวกับเรื่องนั้น

Transcendence ผมเปิดดิกดู มันแปลว่า อุตรภาพ ซึ่งเป็นการแปลที่ทำให้งงหนักกว่าเดิม ผมก็พยายามหาว่าแล้ว อุตรภาพมันคืออะไร ก็พบว่า มีพระอาจารย์ท่านหนึ่งได้เขียนไว้ในบล๊อคครับ ท่านได้แยกคำออกมาตามหลักภาษาบาลี ทำให้ผมเข้าใจ (และคิดว่าทุกคนก็เข้าใจ) ว่าอุตรภาพ คืออะไร

การโค้ชด้วยมโนมยิทธิ (Manohmyiti Coaching)

ผมเขียนเรื่องนี้เนื่องจากได้ทราบว่า ในวงการโค้ชช่วงนี้ตื่นตัวกับเรื่อง ญาณทัศนะ(intuition) มากขึ้น ผมเองไม่เคยเรียนคอร์ส intuition จึงไม่รู้ว่ากระบวนการจริงๆเป็นอย่างไร แต่อาศัยได้ฟังข้อมูลจากรุ่นพี่ที่เคารพท่านหนึ่งแล้วผมพบว่า เท่าที่ฟัง มันคล้ายกับการฝึกมโนมยิทธิที่ผมเคยฝึกมา พอค่อยๆทบทวนก็พบว่า มีกระบวนการหลายอย่างในการฝึกที่คล้ายกับการโค้ช เลยมาเขียนไว้เผื่อจะเป็นไอเดียสำหรับผู้อื่นได้

ผมเริ่มฝึกมโนมยิทธิตั้งแต่ประมาณปี 2555 โดยฝึกที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมโคราช ฝึกจนถึงระดับญาณ8 (หรือวิชชา8 อันนี้จำไม่ได้ คือที่โคราชเขาจะแบ่งการฝึกออกเป็น 3 ระดับ คือขั้นต้น ขั้นท่องเที่ยว และขั้นญาณ8)